9 สุดยอดเกมรถแข่งสำหรับสายซิ่งบน PC

ตลอดทั้งประวัติศาสตร์เกมอิเลกทรอนิกส์และวิดีโอเกม มีแนวเกมอยู่แนวหนึ่งที่อยู่คู่กันมาอย่างยาวนาน เป็นแนวเกมที่อยู่มานาน ข้ามผ่านจากแพลตฟอร์มหนึ่งไปอีกแพลตฟอร์ม จากคอนโซลสู่คอนโซล และจากคอมพิวเตอร์สู่คอมพิวเตอร์เกมมิ่งที่ได้รับการพัฒนาและเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก

แนวเกมนี้เริ่มจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่ปัจจุบัน ที่แม้จะถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง และไม่เคยขึ้นเป็น "ที่หนึ่ง" เลย แต่ก็รักษาตำแหน่งไว้ที่ระดับกลางได้เสมอมา

เกมรถแข่ง

หลังจากที่ Atari วางจำหน่ายเกม Pong ออกมา เกมที่สองคือเกมแนวแข่งรถชื่อ Space Race พัฒนาขึ้นในปี 1973 ซึ่งนับว่าเป็นยุคหินของวงการวิดีโอเกมก็ว่าได้ นับแต่นั้นมาเกมรถแข่งก็ถูกบรรจุอยู่ในแคตตาล็อกเกมคอมพิวเตอร์ และกลายมาเป็นแนวเกมที่อยู่คู่คลังเกมในทุกระบบที่เคยสร้างขึ้นตลอดมา แนวเกมนี้อาจไม่ได้เป็นแฟรนไชส์เกมใหญ่ระดับ AAA ในโลกแห่งเกม แต่ก็เป็นแนวเกมที่มีฐานแฟนผู้ซื่อสัตย์

เกมแนวแข่งรถมอบการแข่งขันง่ายๆ แต่ก็เข้มข้น: เข้าใจง่าย แต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ เป้าหมายยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะมีการหักมุมของพลอต เปลี่ยนแปลงรายละเอียด ฉาก หรือยานพาหนะอย่างไร จากจุดเริ่มต้นไปให้ถึงเส้นชัย และไปให้ถึงเป็นคนแรก

ในขณะที่เกมส่วนใหญ่ใช้งานคอนโทรลเลอร์มาตรฐานและปุ่มคีย์บอร์ด แต่ผู้ที่หลงใหลในเกมขับรถมักจะใช้อุปกรณ์ราคาแพงที่มีพวงมาลัยแบบจำลองการตอบสนองต่อพื้นถนน คันเหยียบ และเกียร์ที่มักจะมีราคาสูงไม่แพ้เครื่องพีซีที่ใช้เล่นเกมเลยทีเดียว และวงการอุตสาหกรรมเกมก็ออกเกมดีๆ มากมายออกมาเพื่อให้บริการแก่คนเหล่านี้

ดังนั้นรัดเข็มขัดนิรภัยให้แน่น ติดเครื่อง แล้วขับเข้ามาเรียงคิวกันที่เส้นชัยได้แล้ว: นี่คือเกมแข่งรถ PC ที่พร้อมให้เล่นแล้ว

1. Dirt Rally 2.0 โดย Codemasters

เกมรถแข่งแรลลี่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมย่อยของการแข่งรถที่ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการแข่งเท่านั้น แต่สเปคและสมรรถนะของยานยนต์เองก็สำคัญไม่แพ้กัน สิ่งสำคัญคือรถแรลลี่นั้นคือยานพาหนะรุ่นผลิตทั่วไปที่ได้รับการปรับความทนทานและสมรรถนะอย่างถูกต้องตามกฎจราจร การแข่งขันแรลลี่นั้นแตกต่างจาก NASCAR หรือการแข่งรถบนลู่วิ่ง เพราะจัดทั้งบนถนนจริง แบบออฟโรด และบนถนนลูกรัง

รถแรลลี่สร้างขึ้นจากโครงรถสปอร์ตที่สามารถหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ของคุณ และเพื่อให้มีคุณสมบัติในการแข่งแรลลี่ รถดังกล่าวจะต้องผ่านการทดสอบการปล่อยมลพิษ และดำเนินการจดทะเบียนทางกฎหมายและการประกันภัย การแข่งขันมีระยะทางไกลและทดสอบความสามารถของผู้ขับขี่ในการขับรถไปให้ถึงขีดสุดของสมรรถนะอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังต้องทราบถึงขีดจำกัดและใช้งานรถให้เกือบถึงขีดสุดผ่านภูมิประเทศสุดทรหดเป็นระยะเวลายาวนาน

Dirt Rally 2.0 โดย Codemasters คือการจำลองการแข่งแรลลี่อย่างแท้จริง ภายในโลกนี้เป็นการจำลองความรู้สึกของการแข่งรถแรลลี่ เพื่อให้นักซิ่งได้สัมผัสเกมแข่งรถเหมือนจริงและไม่รั้งผู้เล่นไว้ในการฝึกสอนเล่นและการอธิบายคอนเซปต์เกมมากมาย ดังนั้นผู้เล่นใหม่ที่ไม่เชี่ยวชาญกับวงการรถยนต์มากนักอาจรู้สึกว่ายากในช่วงแรกๆ แต่มันก็มอบเกมเพลย์ รายละเอียด และความสมจริงที่ลึกล้ำที่เหล่าแฟนๆ ต่างชื่นชอบ

สภาพของถนนและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปต่างส่งผลกับประสิทธิภาพของรถ และพื้นผิวของถนนที่เสื่อมสภาพก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยของเกม หากตำแหน่งเริ่มต้นของคุณในการแข่งจับเวลาอยู่ในที่หลังๆ (ไล่ไปจนสุดที่ตำแหน่ง 150) เกมจะจำลองการบดล้อและร่องบนเส้นทางการแข่งขันที่เกิดจากผู้เข้าแข่งขันก่อนหน้า ทำให้ควบคุมรถยากขึ้นและต้องใช้แรงกับพวงมาลัยมากขึ้นด้วย

"โรงรถ" ที่มีรถมากมายจำลองมาอย่างสมจริงจะทำให้เหล่าคนรักรถทั้งหลายต้องตื่นเต้นที่จะได้สำรวจและลองขับรถยนต์รุ่นต่างๆ บนหลากหลายเส้นทางที่ตั้งอยู่บนสถานที่ต่างๆ ทั่วทั้งโลก โบนัสพิเศษสำหรับเกมเมอร์ที่ใช้ Oculus Rift Virtual Reality (VR)Dirt Rally 2.0 จะได้อัปเดตแพตช์เวอร์ชัน VR ในฤดูร้อนนี้

2. Burnout Paradise Remastered โดย Criterion Software

เกมรถแข่งซีรีส์ Burnout ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ชื่นชอบเกมรถแข่งบนคอนโซลในปี 2008 เกมนี้เป็นเกมรถแข่งบนสภาพแวดล้อมแบบโลกเปิดที่มอบประสบการณ์การแข่งรถอันเป็นอิสระและให้ความรู้สึกแบบเกมอาร์เคดมากกว่าเดิม ผู้เล่นสามารถออกสำรวจเมืองสมมติ Paradise City ได้ในความเร็วที่ต้องการ คุณสามารถเก็บความสำเร็จ/เป้าหมายภารกิจได้ในหลากหลายโหมดที่สามารถได้รับอย่างสร้างสรรค์จากทุกสถานที่ในแผนที่ หรือก็คือมันเป็นเกมรถแข่งที่ไม่มีเส้นทางกำหนด

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการวางจำหน่ายเวอร์ชัน Windows ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เวอร์ชัน "Remastered" จะวางจำหน่ายพร้อมกับอัปเดต, DLC และส่วนเสริมทั้งหมดที่วางจำหน่ายมาตลอดหลายปีออกมาในเกมเดียว มีพร้อมทุกอย่างตั้งแต่เริ่มเกม นอกจากนี้ เวอร์ชัน Remastered ยังรองรับความละเอียดและอัตราเฟรมที่สูงขึ้นอีกด้วย

Burnout Paradise Remastered มี "โหมดโชว์ไทม์" ที่ให้ผู้เล่นต้องแข่งกันในฉากที่ต้องชนและกระเด้งกระดอนกันอย่างสุดเหวี่ยงสุดๆ โหมด "ตำรวจและโจร" แบบเล่นออนไลน์หลายผู้เล่นให้ผู้เล่นได้แข่งขันกับผู้อื่นในภารกิจการไล่ล่าและการพุ่งชน ที่เน้นความอลหม่านและการระเบิดเปรี้ยงปร้าง

ความคืบหน้าอันแสนสนุกที่ปลดล็อกมาได้ทำให้เกม Burnout Paradise Remastered เป็นเกมที่เน้นสังคม การแข่งขันและประสบการณ์การขับรถอันสนุกสนานมากกว่าการจำลองการแข่งขันที่เข้มข้น การที่สามารถขับรถผาดโผนด้วยท่วงท่าน่าสนุกสนานด้วยรถยนต์หลากหลายรูปแบบทำให้เกมนี้มอบประสบการณ์ที่ต่างจากเกม "แข่งรถ" แบบจริงจังเกมอื่นๆ

3. Grid 2 โดย Codemasters

Grid 2 เป็นเกมอีกเกมจากค่าย Codemasters เกมที่แปดจากซีรีส์ TOCA Touring Car เกมนี้มีเป้าหมายในการเกมที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ผสมผสานการจำลองการขับรถอย่างเข้มข้นและรูปแบบการควบคุมเกมแบบอาร์เคดที่ควบคุมได้ง่ายได้อย่างสมดุล

เกมนี้ไม่เพียงมีรถมากมายหลายแบบให้เลือกแต่งได้ตามใจแต่ก็ยังให้ผู้เล่นได้มาอยู่ในลีกแข่งขันสมมติ "งานแข่งรถเวิลด์ซีรีส์" งานแข่งรถแบบใหม่ที่มีกฎที่ตั้งมาเพื่อเกมนี้โดยเฉพาะ โหมดแคมเปญ/โหมดเนื้อเรื่องอาชีพเสมือนจะให้คุณลองพยายามดึงดูด "แฟนๆ" ให้มาดูเกมรถแข่งใหม่นี้ด้วยการเล่นให้ผ่านเป้าหมายการแข่งขันต่างๆ ในแต่ละด่าน

วิธีการแสนชาญฉลาดนี้ทำให้เป้าหมายและภารกิจของเกมเป็นเหมือนเกมในเกมอีกทีที่ช่วยให้โหมดของเกมผสมผสานกันอย่างลงตัวมากกว่าเป็นโหมดเกมแบบสุ่ม โหมดแข่งรถแบบจุดต่อจุด แข่งรถแบบเช็คพอยต์ แข่งทำเวลา และแข่งรถแบบคัดออกทั่วไปก็ล้วนเป็นโหมดการแข่งขันที่ช่วยโปรโมตลีกการแข่งขัน "งานแข่งรถเวิลด์ซีรีส์" โฉมใหม่นี้

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Grid 2 คือเสียงที่ยอดเยี่ยม เกมนี้ทุ่มเทให้กับการออกแบบเสียงเป็นอย่างมากซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี

4. Project CARS 2 โดย Slightly Mad Studios

 Project CARS 2 พัฒนาโดย Slightly Mad Studios และจัดจำหน่ายโดย Bandai Midway เป็นเกมจำลองกีฬาแข่งรถภาคต่อจากเกม Project CARS ซึ่งพัฒนาจากต้นฉบับในด้านที่มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะการควบคุม

 Project CARS ต้นฉบับได้รับเสียงตอบรับมากมายจากวงการเกมรถแข่งในด้านของการจำลองความเกาะถนนและการสูญเสียแรงฉุด แต่ใน CARS 2 มีการพยายามพัฒนาการจำลองการสูญเสียการควบคุมและการกลับมาควบคุมได้ทั้งในการตั้งค่าของคอนโทรลเลอร์พวงมาลัย และคอนโทรลเลอร์แบบทั่วไปที่ใช้ก้านอนาล็อก

โหมดอาชีพนั้นใหญ่มากและมีรถสำหรับผู้หลงใหลในรถยนต์หลากหลายรุ่นที่สามารถปรับแต่งได้รอคอยผู้เล่นที่ชื่นชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ มีรถยนต์ 189 แบบให้เลือก รูปแบบสนามแข่งกว่า 140 ด่าน จากสถานที่ 60 แห่งทั่วโลก

Project CARS 2 เน้นไปที่การเล่นออนไลน์หลายผู้เล่นมากขึ้น และเน้น การพัฒนาเกมให้เป็น eSport โหมดจัดอันดับออนไลน์ การจับคู่ และชิงชนะเลิศล้วนเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่เกมจะมอบให้ Slightly Mad Studios ทำงานร่วมกับทั้งผู้ผลิตรถยนต์และนักขับรถแข่ง เพื่อรวบรวมข้อมูลและสเป็กเครื่องยนต์เพื่อสร้างการจำลองที่แม่นยำว่ารถยนต์แต่ละรุ่นจะตอบสนองอย่างไร ผลที่ได้คือลักษณะและรูปแบบการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Porsche เมื่อเทียบกับNissan, Ferrari หรือ Lamborghini ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน และยิ่งไปกว่านั้นยังถูกต้องอีกด้วย

ผู้ที่คลั่งไคล้ในเกมรถแข่งที่มีคอนโทรลเลอร์พวงมาลัยและคันเหยียบแบบปรับแต่งมาโดยเฉพาะ รวมไปถึงมี VR เชื่อมต่อกับเครื่องพีซี ก็สามารถเล่น Project CARS 2 ได้ในโหมด VR ซึ่งทำให้คุณดำดิ่งไปได้อีกระดับ สัมผัสประสบการณ์การขับรถที่สมจริง

5. Assetto Corsa โดย Kunos Simulazioni

นักพัฒนาเกม Kunos Simulazioni พัฒนา Assetto Corsa ขึ้นเพื่อสร้างเกมสำหรับแฟนๆ ผู้คลั่งไคล้เกมรถแข่งโดยเป็นเกมที่เน้นไปที่การควบคุมรถและประสิทธิภาพของเกมอันแม่นยำพร้อมทั้งมอบการปรับแต่ง (หรือเพิ่มการปรับแต่งต่างๆ) ประสบการณ์และการตั้งค่าด้วย ซีรีส์เกมที่ "สมจริง" ที่ให้แฟนๆ เกมรถแข่งสามารถปรับแต่งประสบการณ์ที่เขามองเห็นให้จำลองออกมา หรือไม่จำลองออกมาในเกม

นั่นคือคุณสมบัติเด่นของ Assetto Corsa ซึ่งเป็นเกมเฉพาะทางสำหรับแฟนๆ ผู้คลั่งไคล้และติดตามเกมรถแข่งแบบเข้มข้น นักเล่นเกมสบายๆ ที่มองหาเกมสไตล์อาร์เคดที่มีความยากปานกลางอาจไม่เหมาะกับเกมนี้นัก

Assetto Corsa ไม่ใช่เกมรถแข่งที่เล่นได้ง่ายในทันที แต่เป็นเกมที่เหมาะกับผู้เล่นที่มีความรู้เกี่ยวกับรถระดับไฮเอนด์และมีทักษะในการขับขี่ด้วย และสำหรับผู้เล่นเหล่านั้น Assetto Corsa ก็เป็นเหมือนขุมทรัพย์เลยทีเดียว

แต่จริงๆ แล้วสมบัตินั้นออกแบบมาเพื่อผู้เล่นเฉพาะกลุ่มเท่านั้น สำหรับเกมเมอร์ทั่วๆ ไป หรือผู้เล่นที่คุ้นชินกับการปรับแต่ง ฟิสิกส์ของเกม และการบังคับเครื่องยนต์จากเกมรถแข่งชื่อดังเกมอื่นๆ เมื่อเข้ามาเล่นเกมนี้ก็จะต้องพบกับการพ่ายแพ้จนหัวร้อน เพราะการควบคุมใน Assetto Corsa นั้นจับได้อย่างแม่นยำและยอมให้เกิดการผิดพลาดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หมายความว่าหากคุณเป็นผู้เล่นที่มองหาการจำลองที่สมจริงและไม่ได้สนใจในการปรับแต่งอย่างระบบสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ หรือ "โหมดสะสม" ที่ให้คุณได้ไปชื่นชมรถรุ่นต่างๆ ในโรงรถจำลอง ถ้าอย่างนั้นเกมนี้ก็เป็นเกมที่น่าลอง แต่ขอเตือนไว้ก่อน ยิ่งดำลึกก็ยิ่งต้องเรียบรู้มาก

6. Forza Horizon 4 โดย Playground Games

To everything, (turn, turn, turn) there is a season (turn, turn turn) นี่ไม่ได้เป็นแค่เนื้อเพลงโดยวง The Byrds เท่านั้น แต่ยังเป็นภารกิจหลักของ Forza Horizon 4 ด้วย ระบบฤดูกาลแบบไดนามิกที่ส่งผลกับสภาพแวดล้อมแบบโลกเปิด และเกมเพลย์ที่เน้นที่การเล่นแบบออนไลน์ผู้เล่นหลายคนแบบเรียลไทม์ (และเน้นสังคม) ทำให้ Forza Horizon 4 เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของซีรีส์เกมนี้

แต่ละฤดูกาลที่แตกต่างกันและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจะส่งผลต่อประสบการณ์โดยรวมและเป็น "ลักษณะเฉพาะ" ของเกมเพลย์ สองข้างทางในฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม ฤดูใบไม้ร่วงก็สดใสด้วยสีสันแสบตาของใบไม้ร่วง และฤดูหนาวก็มาพร้อมกับลมหนาวและพื้นที่เยือกแข็งที่ก่อนหน้านี้เข้าถึงไม่ได้ในเส้นทางแข่งก็กลายมาเป็นพื้นที่แข็งจนขับผ่านไปได้

แต่ไม่เพียงแค่ความแตกต่างทางด้านเกมเพลย์เท่านั้น สิ่งที่ฤดูกาลและการเปลี่ยนแปลงของเส้นทางแข่งขันและเกมเพลย์ของคุณนำมาให้คือความรู้สึกเสมือนโลกจริงที่คุณอาศัยอยู่และขับรถแข่งผ่านไป

เนื่องจาก Forza Horizon 4 ดำเนินในโลกเปิดจึงสามารถนำเสนอรูปแบบแนวเกมรถแข่งที่มีความคืบหน้าที่ใกล้เคียงกับเกมสวมบทบาท (RPG) ได้ การเลือกภารกิจและงานผาดโผน ความท้าทายการดริฟท์ และการแข่งขันจะปลดล็อกค่าเงินที่เป็นเหมือนแต้มประสบการณ์ที่เรียกว่า "Influence" ให้กับนักขับรถของคุณ ซึ่งใช้เพื่อปลดล็อกฤดูกาลต่างๆ

เกมเพลย์แนว RPG ยังรวมถึงการที่คุณต้องสละเวลามาสร้างตัวละครนักแข่งของคุณ และฉากแบบโลกเปิดยังให้คุณสามารถซื้อบ้านที่ทำหน้าที่เป็นทั้งฐานปฏิบัติการบนแผนที่และมอบบัฟและโบนัสต่างๆ เพิ่มเติมจากการอัปเกรดรถของคุณ

มีตัวเลือกการเล่นออนไลน์ เล่นออฟไลน์ และ "กึ่งออฟไลน์" ให้เลือก (แบบกึ่งคือการเล่นกับ "Drivatars" ของเพื่อนและคู่แข่ง ตัวละครโกสต์จากการแข่งขันของผู้เล่นอื่นก่อนหน้าที่คุณสามารถเอาชนะได้)

Forza Horizon 4 ได้โน้มเอียงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ "วิดีโอเกม" ที่ขับเคลื่อนบนเครื่องพีซี ทุกแง่มุมของเกมเพลย์ผ่านการ "ออกแบบเพื่อความสนุกสนาน" ไม่ว่าจะเป็นเสียงแสบสันของเอไอจีพีเอส ที่ชื่อว่า A.N.N.A. (แสบสันแบบ David Hasselhoff’s KITT จาก Knight Rider ผสมกับ Amazon’s Alexa) ที่จะช่วยบอกข้อมูลให้คุณรู้เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ต่างๆ และความท้าทายรอบตัวคุณเมื่อคุณออกสำรวจในโลกเปิด เธอยังช่วยทำสัญลักษณ์ที่ตำแหน่งความท้าทายโปรดบนแผนที่ของคุณให้คุณเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

เนื่องจากมีรถมากกว่า 450 คันที่คุณสามารถได้รับและนำมาแข่งขันได้ ทุกคันต่างมีการควบคุมที่ต่างกัน จึงมีเนื้อหาให้เล่นได้นานหลายเดือนทั้งสำหรับผู้ที่เล่นแข่งรถทั่วไปและผู้ที่คลั่งไคล้รถยนต์

7. The Crew 2 โดย Ivory Tower

นักแข่งโอเพ่นโรดทุกคนไม่ได้เกิดมาเท่าเทียมกันเสมอไป แม้ว่า The Crew 2 จะได้รับการพัฒนาขึ้นจากภาคต้นฉบับมามาก แต่ก็ยังเรียกได้ว่าไม่ได้ดีมากนักเมื่อเทียบกับเกมอย่าง Forza Horizon 4 ใน The Crew 2 ผู้เล่นจะได้ออกท่องเที่ยวไปในสหรัฐอเมริกาฉบับย่อส่วน จากพื้นที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ทำภารกิจและความท้ามายต่างๆ ปลดล็อกเนื้อหามากมายไปตลอดทาง

เกมนี้มีทั้งโหมด Street Racing, Off Road, Freestyle และ Pro Racing ซึ่งให้คุณเล่นเก็บความคืบหน้าได้อย่างสนุกสนานและสามารถเล่นได้แบบไม่เป็นเส้นตรง เล่นตามอารมณ์ตามที่คุณเห็นว่าความท้าทายไหนสนุกสำหรับคุณ

The Crew 2 มอบการแข่งรถที่สนุกสนานและเป็นเกมรถแข่งที่เหมาะสำหรับผู้เล่นเกมรถแข่งทั่วๆ ไป เกมนี้จึงนับได้ว่าประสบความสำเร็จในบางประการ หากคุณมีเกมรถแข่งอยู่ในคลังอยู่แล้ว จะเก็บเกมนี้ไว้เพิ่มก็ไม่เลว แต่เกมนี้ก็อาจไม่สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นเกมโปรดของคุณได้

8. F1 2018 โดย Codemasters

ซีรีส์ F1 จาก Codemasters เป็นเกมที่พัฒนาขึ้นเพื่อแข่งกับเหล่าเกมแฟรนไชส์กีฬามากมายของ EA  เกมนี้ไม่ได้เป็นเพียงเกมรถแข่งเท่านั้น แต่ยังเป็นการจำลองลีกการแข่งขันกีฬาด้วย โดยในเกมยังมีคัตซีนของนักพากย์การแข่งกีฬาและ "แพ็กเกจ" ทีวีเพิ่มขึ้นมาตลอดการเดินทางบนเส้นทางอาชีพนักขับรถแข่ง Formula One ของตัวละครของคุณ

เนื่องจากนี่เป็นภาคต่อ (ภาคนี้เป็นภาคที่สิบของซีรีส์นี้) ภาคนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจากภาคที่วางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว อีกทั้งยังมีการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนบางอย่างด้วย ในโลกของเกมออนไลน์ F1 2018 มอบหนทางในการผ่อนคลายสำหรับคนที่รู้สึกเครียดหรือกดดันจากการเล่นกับผู้เล่นคนอื่น

โหมดออฟไลน์ และโหมดเนื้อเรื่อง/เส้นทางอาชีพมีระบบ AI มาเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อและเก่งกาจโดยไม่ได้เก่งจนน่ากลัวหรือจับทางได้ง่ายจนเกินไป และก็มีโหมดผู้เล่นหลายคนให้ด้วย

และที่สำคัญคือเกม F1 2017 เป็นเกมจำลองการแข่งรถ Formula One ที่ยอดเยี่ยมและ F1 2018 ก็ไม่ได้ทำให้ความสำเร็จนั้นต้องมัวหมอง แต่มันก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมมากนัก การปรับปรุงและการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นการเพิ่มเติมเล็กน้อยซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย "ถ้ามันยังไม่พัง ก็ไม่ต้องแก้" นั้นเป็นวิธีการที่ปลอดภัย แต่หากผู้เล่นมี F1 2017 อยู่แล้ว การจะซื้อภาคใหม่ก็ดูจะไม่เป็นการจำเป็น

9. Forza Motorsport 7 โดย Turn 10 Studios

แฟรนไชส์เกมรถแข่ง Forza เป็นแฟรนไชส์ที่อยู่ในใจของผู้คลั่งไคล้รถอยู่เสมอมา และ Motorsport 7 ที่วางจำหน่ายปี 2017 ก็ยังคงนำเสนอรถยนต์รายละเอียดสูงมากมายมหาศาลให้กับเหล่าผู้คลั่งไคล้รถได้เชยชม แม้เกมจะบอกว่ามี "มากกว่า 700" รุ่น แต่นั่นค่อนข้างจะเกินจริงไปหน่อย เพราะหลายรุ่นก็เป็นรุ่นเดิมๆ ที่มีการปรับแต่งเล็กน้อยเท่านั้น ถึงอย่างไร จำนวนจริงๆ ประมาณ 400 รุ่นก็เป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ

รถยนต์รุ่นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งรถเก่าและรุ่นปัจจุบัน ทุกรุ่นนำเสนออย่างถูกต้องทางด้านกราฟิกซึ่งละเอียดไปจนถึงขั้นตำแหน่งของสติ๊กเกอร์และป้ายคำเตือนเฉพาะที่ติดอยู่บนรถแต่ละรุ่น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเกมรถแข่งที่หลงใหลใน "การสะสม" มากจนถึงขั้นอยากจะมีโรงรถระดับพิพิธภัณฑ์แบบ Jay Leno และ Jerry Seinfeld เพื่อเอามาเชยชมหรือเอามาแข่งแล้วล่ะก็ Motorsport 7 นี่ล่ะคือผู้นำทางด้านนี้เลย

กราฟิกและความใส่ใจในรายละเอียดที่ไม่เป็นสองรองใคร สำหรับเด็กที่โตมากับการสะสมรถ Matchbox และพกพวกมันไปไหนมาไหน เกมนี้ก็เป็นเกมที่จะมอบความสุขให้กับเหล่าคนรักรถได้หลายชั่วโมงเลยทีเดียว

Laptops

Laptops

From: ฿12,990.00

Desktops

Desktops

From: ฿13,390.00

Monitors

Monitors

From: ฿3,590.00

Printers

Printers

From: ฿3,890.00

Ink, Toner & Paper

INK, Toner and Paper